กบง. ตรึงราคาก๊าซหุงต้มอีก 1 เดือน

กบง. ตรึงราคาก๊าซหุงต้มอีก 1 เดือน

การประชุมคณะกรรมการบริหารนโยบายพลังงาน (กบง.) ที่มีนายสุพัฒนพงษ์ พันธ์มีเชาว์ รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงาน เป็นประธาน ได้เปิดเผยถึงสถานการณ์ราคาก๊าซ LPG ของตลาดโลกว่า ราคา LPG ยังคงผันผวนตามราคาน้ำมันดิบ เนื่องจากความกังวลต่อภาวะเศรษฐกิจถดถอยซึ่งอาจกดกันต่อความต้องการใช้น้ำมันและก๊าซ LPG ของโลก นอกจากนี้ตลาดยังคงจับตามาตรการต่างๆ ที่หลายประเทศทั่วโลกอาจออกมาควบคุมผู้เดินทางจากสาธารณรัฐประชาชนจีน ภายหลังจากที่จีนประกาศเปิดประเทศ เมื่อช่วงต้นเดือนมกราคม ซึ่งอาจส่งผลให้ความต้องการใช้น้ำมันเชื้อเพลิงมีความไม่แน่นอน

นายสุพัฒนพงษ์ กล่าวว่ากระทรวงพลังงาน (พน.) ได้ติดตามสถานการณ์ราคาก๊าซ LPG อย่างใกล้ชิด พบว่าสถานการณ์ราคาก๊าซ LPG ตลาดโลกในปัจจุบันยังคงผันผวน โดย ณ วันที่ 16 ม.ค. 66 ราคา LPG นำเข้าอยู่ที่ 698 เหรียญสหรัฐฯ ต่อตัน เทียบได้กับราคาขายปลีกก๊าซ LPG ที่ประมาณ 450 บาทต่อถัง 15 กิโลกรัม ในขณะที่ราคาขายปลีก LPG ในประเทศอยู่ที่ 408 บาทต่อถัง 15 กิโลกรัม ส่งผลต่อสภาพคล่องของกองทุนน้ำมันฯ บัญชีก๊าซ LPG ติดลบ 813 ล้านบาทต่อเดือน และฐานะกองทุนบัญชีก๊าซ LPG ติดลบ 44,794 ล้านบาท ซึ่งจะเข้าใกล้กรอบวงเงินกองทุนน้ำมันฯ ในส่วนของบัญชีก๊าซ LPG ที่ให้ติดลบได้ไม่เกิน 48,000 ล้านบาท

เศรษฐกิจ

ดังนั้น ที่ประชุม กบง. จึงได้มีการพิจารณาทบทวนแนวทางการกำหนดราคา LPG โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อเป็นการช่วยลดภาระค่าครองชีพของประชาชน ขณะเดียวกันยังคงต้องคำนึงถึงสภาพคล่องของกองทุนน้ำมันเชื้อเพลิงด้วย ที่ประชุม จึงได้มีมติดังนี้

  • เห็นชอบให้คงราคาขายส่งหน้าโรงกลั่น LPG ที่ 19.9833 บาทต่อกิโลกรัม (ไม่รวมภาษีมูลค่าเพิ่ม) โดยมีกรอบเป้าหมายเพื่อให้ราคาขายปลีก LPG อยู่ที่ประมาณ 408 บาทต่อถัง 15 กิโลกรัม ต่อไปอีก 1 เดือน มีผลบังคับใช้ตั้งแต่วันที่ 1-28 ก.พ. 66
  • ปรับราคาขายปลีก LPG เพิ่มอีก 15 บาทต่อถัง 15 กิโลกรัม ในเดือนมีนาคม โดยจะปรับเป็นราคาขายปลีก 423 บาทต่อถัง 15 กิโลกรัม มีผลตั้งแต่ 1-31 มี.ค. 66

ทั้งนี้ ประชุม กบง. ได้มอบหมายให้ สนพ. ประสานคณะกรรมการบริหารกองทุนน้ำมันเชื้อเพลิง (กบน.) เพื่อพิจารณาบริหารจัดการเงินกองทุนน้ำมันเชื้อเพลิงให้สอดคล้องกับแนวทางการทบทวนการกำหนดราคาก๊าซ LPG ต่อไป

นายสุพัฒนพงษ์ ยังได้เปิดเผยอีกด้วยว่า วันนี้ที่ประชุม กบง. ได้มีการพิจารณาแนวทางการช่วยเหลือค่าไฟฟ้าเพื่อบรรเทาผลกระทบต่อประชาชนที่ได้รับผลกระทบจากสถานการณ์ราคาพลังงานที่สูงขึ้น โดยที่ประชุมมีมติเห็นชอบมาตรการช่วยเหลือลดค่าไฟฟ้าประจำเดือน ม.ค.–เม.ย. 2566 ซึ่งมีค่า Ft เรียกเก็บที่ 93.43 สตางค์ต่อหน่วย สำหรับผู้ใช้ไฟฟ้าบ้านอยู่อาศัยกลุ่มเปราะบาง ที่มีการใช้ไฟฟ้าไม่เกิน 300 หน่วยต่อเดือน มีรายละเอียดดังนี้

  • จำนวนหน่วยไฟฟ้าที่ใช้ 1-150 หน่วย ส่วนลดค่าไฟฟ้า 92.04 สตางค์ต่อหน่วย
  • จำนวนหน่วยไฟฟ้าที่ใช้ 151-300 หน่วย ส่วนลดค่าไฟฟ้า 67.04 สตางค์ต่อหน่วย

โดย พน. ประเมินว่ามาตรการช่วยเหลือในครั้งนี้จะมีผู้ใช้ไฟฟ้าที่ได้รับประโยชน์ประมาณ 19.66 ล้านราย และคาดว่าจะใช้วงเงินช่วยเหลือประมาณ 7,500 ล้านบาท จากงบประมาณแผ่นดิน และงบที่ได้รับการจัดสรรโดยความร่วมมือจากหน่วยงานที่เกี่ยวข้องภายใต้ระเบียบและขั้นตอน เพื่อให้เกิดผลในทางปฏิบัติต่อไป

เรื่องนี้ถูกเขียนใน เศรษฐกิจ และติดป้ายกำกับ คั่นหน้า ลิงก์ถาวร